ทำความรู้จัก ลาลีกาสเปน Laliga ลีกฟุตบอลสูงสุดของสเปน

ถ้าพูดถึงลีกฟุตบอลที่เต็มไปด้วยทักษะสุดแพรวพราว เกมบุกมันส์ ๆ และนักเตะระดับโลก คงหนีไม่พ้น ลาลีกาสเปน (LaLiga) หรือชื่อเต็มว่า “Campeonato Nacional de Liga de Primera División” ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลสูงสุดของประเทศสเปน และเป็นหนึ่งในลีกที่ดีที่สุดในโลก

ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนบอลตัวยง หรือเพิ่งเริ่มติดตามวงการลูกหนัง เราจะพาคุณไปรู้จัก ลาลีกาสเปน แบบจัดเต็ม ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ จุดเด่น ไปจนถึงเหตุผลที่ทำให้ลาลีกาครองใจแฟนบอลทั่วโลก!

ลาลีกาสเปน คืออะไร?

ลาลีกาเป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับสูงสุดของประเทศสเปน มีทั้งหมด 20 ทีม ที่มาดวลกันตลอดฤดูกาล โดยแข่งแบบเหย้า-เยือน รวม 38 นัด ต่อทีม และทีมที่มีคะแนนมากที่สุดเมื่อจบซีซั่นจะได้ แชมป์ลาลีกา ไปครอง

ส่วน 3 ทีมอันดับสุดท้ายของตาราง ก็ต้องโบกมือลาลีกา ตกชั้นลงไปเล่นใน ลาลีกา 2 หรือ เซกุนด้า ดิวิซิออน (Liga Segunda) และเปิดทางให้ทีมจากลีกรองเลื่อนชั้นขึ้นมาสู้ศึกในซีซั่นถัดไป นอกจากนี้ ลาลิกายังเป็นเวทีสำคัญที่ส่งทีมไปลุยถ้วยยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ ยูโรปาลีก โดย 4 อันดับแรก ของลาลีกาจะได้ไปเล่นถ้วยใหญ่สุดของยุโรป ส่วนอันดับ 5 และ 6 จะได้สิทธิ์ไปลุยยูโรปาลีก

ลาลีกาสเปน มีทั้งหมด 20 ทีม

ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ ลีกลาลีกา

ถ้าพูดถึงหนึ่งในลีกฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก “ลาลีกาสเปน” (LaLiga) ต้องติดอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน ลีกแห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและเรื่องราวอันน่าตื่นเต้น ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1929 จนถึงปัจจุบันที่กลายเป็นเวทีการแข่งขันระดับโลก เราจะพาคุณไปรู้จักกับ ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของลาลีกาแบบละเอียด ว่าทำไมลีกแห่งนี้ถึงเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก

(1929-1936) จุดกำเนิดของลาลิกา

ลาลิกาก่อตั้งขึ้นในปี 1929 โดย José María Acha นักธุรกิจจากเมืองบิลเบา ซึ่งเป็นผู้เสนอแนวคิดให้มีลีกฟุตบอลอาชีพในสเปน โดยการแข่งขันเริ่มต้นด้วย 10 ทีมแรก ได้แก่ บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, แอธเลติก บิลเบา, เรอัล โซเซียดาด, เอสปัญญ่อล, แอตเลติโก มาดริด, เรอัล ยูนิโอน, อารีนาส คลับ เดอ เก็ทโช่, ราซิ่ง ซานตานเดร์ และ อาร์ซีดี ลา คอรุนญ่า ฤดูกาลแรกของลาลีกาจบลงด้วยการคว้าแชมป์ของ บาร์เซโลน่า ซึ่งกลายเป็นทีมแรกที่ชูถ้วยลีกสูงสุดของสเปน ช่วงเวลานี้ถือเป็นยุคก่อตั้งลาลีกา ซึ่งการแข่งขันยังไม่ดุเดือดเท่าปัจจุบัน แต่ก็เป็นการปูทางให้วงการฟุตบอลอาชีพของสเปนเติบโตขึ้น

(1936-1950) ช่วงสงครามกลางเมืองสเปนและผลกระทบต่อลาลิกา

ในปี 1936 สเปนต้องเผชิญกับ สงครามกลางเมืองสเปน (Spanish Civil War) ซึ่งทำให้การแข่งขันลาลีกาต้องหยุดชะงักไปถึง 3 ปี หลังสงครามสิ้นสุดลงในปี 1939 ฟุตบอลสเปนกลับมาแข่งขันอีกครั้ง โดยช่วงนี้เป็นยุคทองของ แอธเลติก บิลเบา, บาร์เซโลน่า และ บาเลนเซีย ซึ่งเป็นสามทีมที่ผลัดกันคว้าแชมป์ แต่ในช่วงปลายยุค 1940 และต้นยุค 1950 เรอัล มาดริด ภายใต้การบริหารของ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ได้เริ่มสร้างอาณาจักรลูกหนัง โดยการคว้าตัวนักเตะระดับโลกเข้ามาสู่ทีม

(1950-1970) ยุคทองของเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่า

ช่วงปี 1950-1970 ถือเป็นยุคที่ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ก้าวขึ้นมาเป็นสองทีมยักษ์ใหญ่ของลาลีกา เรอัล มาดริด ในยุคของ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ และ ฟรานซิสโก้ เกนโต้ กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป คว้าแชมป์ลาลีกาหลายสมัย และยังครองความยิ่งใหญ่ในยูโรเปียน คัพ (ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในปัจจุบัน) บาร์เซโลน่า ก็เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่มี โยฮัน ครัฟฟ์ เข้ามาเป็นผู้เล่นในยุค 1970 และต่อมาเป็นโค้ชในยุค 1990 นอกจากนี้ ในยุคนี้ยังมีทีมอื่น ๆ ที่สร้างชื่อเสียงได้เช่นกัน เช่น แอตเลติโก มาดริด และ บาเลนเซีย

(1980-2000) การมาของลีกยุคใหม่ และยุค “กาลาคติกอส”

ในช่วง 1980-1990 ลาลีกาเริ่มมีการพัฒนาในด้านการตลาดและการบริหารทีมแบบมืออาชีพมากขึ้น ลีกกลายเป็นแหล่งรวมซูเปอร์สตาร์ เช่น ดิเอโก้ มาราโดน่า, โรนัลโด้ (R9), โรแบร์โต้ คาร์ลอส, ซีเนอดีน ซีดาน และ หลุยส์ ฟิโก้ ช่วงต้น 2000 เรอัล มาดริด ภายใต้การบริหารของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ได้เปิดยุค “กาลาคติกอส” โดยการเซ็นสัญญากับซูเปอร์สตาร์ระดับโลกทุกปี เช่น

  • หลุยส์ ฟิโก้ (2000)
  • ซีเนอดีน ซีดาน (2001)
  • โรนัลโด้ R9 (2002)
  • เดวิด เบ็คแฮม (2003)

บาร์เซโลน่าเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า โดยการเซ็น โรนัลดินโญ่ และเริ่มสร้างทีมยุคใหม่ที่นำโดย ลิโอเนล เมสซี่

(2009-2018) ยุค เมสซี่ vs โรนัลโด้ ลาลีกาในระดับโลก

ช่วงเวลานี้เป็น ยุคที่ลาลีกากลายเป็นลีกที่มีคนดูมากที่สุดในโลก เพราะเป็นยุคของคู่แข่งตลอดกาล ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ การแข่งขันระหว่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด กลายเป็นแมตช์ที่ทุกคนรอคอย โดยเฉพาะศึก “เอล กลาซิโก้” ที่สร้างกระแสไปทั่วโลก ในช่วงนี้ ลาลีกาเป็นแหล่งผลิตแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มากมาย โดยเฉพาะ เรอัล มาดริด ที่คว้าแชมป์ UCL 5 สมัยใน 10 ปี (2014, 2016, 2017, 2018, 2022)

(2019-ปัจจุบัน) ลาลีกายุคปัจจุบันและอนาคต

หลังจากยุคของเมสซี่และโรนัลโด้ ลาลีกาก็ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีทีมอื่น ๆ เริ่มท้าชิงแชมป์มากขึ้น เช่น แอตเลติโก มาดริด ที่คว้าแชมป์ในปี 2021 ปัจจุบัน ลาลีกามุ่งเน้นไปที่ การพัฒนาดาวรุ่ง และการปรับปรุงเทคโนโลยีในการแข่งขัน เช่น VAR และการตลาดระดับโลก นอกจากนี้ ลีกยังดึงดูดนักเตะดาวรุ่งรุ่นใหม่อย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม, วินิซิอุส จูเนียร์, เปดรี และ กาบี ที่กำลังกลายเป็นดาวเด่นของวงการ

เหตุผลที่ ลาลีกาสเปน Laliga ถึงได้รับความนิยมทั่วโลก

1. ศึกเอลกลาซิโก้ แมตช์ที่โลกรอคอย

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลาลีกาได้รับความสนใจจากแฟนบอลทั่วโลกก็คือ “เอลกลาซิโก้” (El Clásico) ซึ่งเป็นการเจอกันระหว่างสองสโมสรยักษ์ใหญ่ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า นี่ไม่ใช่แค่เกมฟุตบอลธรรมดา แต่เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน

2. การแข่งขันที่เร้าใจและมีเอกลักษณ์

ลาลีกาขึ้นชื่อเรื่อง ฟุตบอลสไตล์เทคนิค การเล่นที่สวยงาม ดุดัน และเน้นการครองบอล หลายทีมมีสไตล์เฉพาะตัว เช่น

  • บาร์เซโลน่า กับปรัชญา ติกิ-ตาก้า
  • เรอัล มาดริด กับเกมบุกสุดโหด
  • แอตเลติโก มาดริด กับแนวรับสุดแกร่งและเกมสวนกลับอันตราย

ไม่ว่าคุณจะชอบฟุตบอลแบบไหน ลาลีกามีให้ครบ!

3. ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก

ลาลีกา Laliga คือบ้านของนักเตะระดับโลกมาโดยตลอด ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น

  • ยุคปัจจุบัน (2025) จู๊ด เบลลิงแฮม, วินิซิอุส จูเนียร์, เปดรี
  • ยุคเก่า ดิ สเตฟาโน่, ครัฟฟ์, มาราโดน่า
  • ยุค 2000 โรนัลโด้ R9, โรนัลดินโญ่, เบ็คแฮม, กาก้า
  • ยุคเมสซี่ vs โรนัลโด้ จุดสูงสุดของความเป็นคู่แข่ง

4. สนามฟุตบอลระดับโลก

ลาลีกามีสนามแข่งที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เช่น

  • ซานติอาโก้ เบร์นาเบว (เรอัล มาดริด)
  • คัมป์ นู (บาร์เซโลน่า)
  • เอสตาดิโอเมโตรโปลิตาโน (แอตเลติโก มาดริด)
  • เมสตาญ่า (บาเลนเซีย)

บรรยากาศในสนามของลาลีกาขึ้นชื่อเรื่องความคลั่งไคล้ของแฟนบอลที่สร้างสีสันให้การแข่งขัน

5. ระบบพัฒนาเยาวชนที่แข็งแกร่ง

ลาลีกาเป็นแหล่งผลิตนักเตะดาวรุ่งระดับโลกมากมาย สโมสรต่าง ๆ มีอะคาเดมี่ที่แข็งแกร่ง เช่น

  • ลา มาเซีย (บาร์เซโลน่า) ที่ผลิตแข้งดังอย่าง เมสซี่, ชาบี, อิเนียสต้า
  • ลา ฟาบริก้า (เรอัล มาดริด) ที่สร้างดาวรุ่งหลายคนให้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่

ระบบนี้ทำให้ลาลีกามีนักเตะรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงคอยขึ้นมาสร้างสีสันให้กับการแข่งขันตลอดเวลา

โครงสร้างและรูปแบบการแข่งขันของลาลีกาสเปน Laliga

ลีกลาลีกา (Laliga) เป็นหนึ่งในลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ด้วยรูปแบบการแข่งขันที่เข้มข้นและการจัดอันดับที่ดุเดือดใน ตารางลาลีกาสเปน ทุกทีมต่างแข่งขันกันเพื่อแย่งแชมป์ คว้าตั๋วไปเล่นถ้วยยุโรป หรือแม้แต่ดิ้นรนหนีการตกชั้น เราจะพาทุกท่านมาดูโครงสร้างการแข่งขัน ระบบเลื่อนชั้น-ตกชั้น ตารางคะแนนฟุตบอลลาลีกา และการคำนวณคะแนนที่ใช้ตัดสินลำดับของแต่ละทีม

จำนวนทีมที่เข้าร่วมและรูปแบบการแข่งขัน

ลีกลาลีกา มีทั้งหมด 20 ทีม แข่งขันกันแบบพบกันหมด (เหย้า-เยือน) รวม 38 นัดต่อทีม ตลอดทั้งฤดูกาล รูปแบบการแข่งขัน

  • ลาลีกาใช้ ระบบลีก (Round-robin tournament) หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า “แข่งแบบพบกันหมด”
  • ฤดูกาลเริ่มต้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤษภาคม
  • ทุกทีมจะเล่นนัดเหย้าและเยือนกับคู่แข่งแต่ละทีม รวม 38 นัด
  • ทีมที่ได้คะแนนมากที่สุดใน ตารางคะแนนฟุตบอลลาลีกา เมื่อจบฤดูกาลจะเป็น แชมป์ลาลีกา
  • 4 อันดับแรกของลีกจะได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
  • อันดับที่ 5 และ 6 ได้สิทธิ์ไปเล่นใน ยูโรปาลีก
  • อันดับที่ 7 อาจได้สิทธิ์ไปเล่น ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก ขึ้นอยู่กับแชมป์ฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ

ระบบการเลื่อนชั้น-ตกชั้นของลีกลาลีกา

การตกชั้น

  • 3 ทีมที่อยู่อันดับสุดท้ายของตารางลาลีกาสเปน (อันดับที่ 18-20) จะตกชั้นไปเล่นใน เซกุนด้า ดิวิซิออน
  • ทีมเหล่านี้จะถูกแทนที่โดย 3 ทีมจากเซกุนด้าที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมา

การเลื่อนชั้น

  • ทีมอันดับ 1 และ 2 ของเซกุนด้า จะเลื่อนชั้นอัตโนมัติ
  • ทีมอันดับ 3-6 จะแข่งขันใน รอบเพลย์ออฟ เพื่อหา 1 ทีมสุดท้าย ที่จะขึ้นมาลาลีกา

ระบบนี้ทำให้การแข่งขันในลีกลาลีกาสเปนมีความเข้มข้นตั้งแต่หัวตารางจนถึงท้ายตาราง

การจัดอันดับในตารางลาลีกาสเปน และวิธีคำนวณคะแนน

การให้คะแนน

ลาลิกาใช้ระบบการให้คะแนนมาตรฐานแบบเดียวกับลีกฟุตบอลชั้นนำทั่วโลก

  • ชนะ = 3 คะแนน
  • เสมอ = 1 คะแนน
  • แพ้ = 0 คะแนน

เกณฑ์การจัดอันดับในตารางคะแนนฟุตบอลลาลีกา
หากทีมมีคะแนนเท่ากัน จะใช้เกณฑ์ต่อไปนี้ในการตัดสิน ลำดับของลาลีกา

  1. เฮดทูเฮด – ดูผลการแข่งขันระหว่างทั้งสองทีมที่พบกันในฤดูกาลนั้น (ทีมที่มีผลงานดีกว่าในการเจอกันจะได้อันดับสูงกว่า)
  2. ผลต่างประตูได้เสีย – คำนวณจากจำนวนประตูที่ยิงได้ลบกับจำนวนประตูที่เสีย
  3. จำนวนประตูที่ยิงได้ – ทีมที่ยิงประตูได้มากกว่าจะมีอันดับที่สูงกว่า
  4. แฟร์เพลย์ – หากทุกเกณฑ์ยังเท่ากัน จะใช้กฎแฟร์เพลย์ (เช่น จำนวนใบเหลือง-ใบแดง)
  5. การจับฉลาก – หากทุกอย่างยังคงเท่ากัน จะใช้วิธีจับฉลากเพื่อจัดอันดับ

สโมสรชั้นนำในลาลีกาสเปน

ลาลีกาสเปน ไม่ได้เป็นแค่ลีกฟุตบอลธรรมดา แต่เป็นเวทีของเหล่ายักษ์ใหญ่ที่ขับเคี่ยวกันทุกฤดูกาล นอกจากสองทีมมหาอำนาจอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ที่ขับเคี่ยวกันมาตลอดหลายสิบปี ยังมีทีมอื่น ๆ ที่สร้างสีสันให้ลีก ทั้งทีมที่คว้าแชมป์มาแล้วและทีมที่กำลังมาแรง มาดูกันว่าใครคือสุดยอดทีมแห่งลาลีกา และทีมไหนที่น่าจับตามองในฤดูกาลล่าสุด!

สโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

เรอัล มาดริด (Real Madrid) ราชันชุดขาวผู้ครองความยิ่งใหญ่

เรอัล มาดริด (Real Madrid) ราชันชุดขาวผู้ครองความยิ่งใหญ่

ถ้าพูดถึงสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในลาลีกา เรอัล มาดริด คือตัวเต็งอันดับหนึ่งเสมอ ด้วยสถิติแชมป์ลีกสูงสุด และการครองเจ้ายุโรปมากที่สุด “ราชันชุดขาว” เป็นทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมาตลอด เกียรติประวัติเด่น ๆ ของเรอัล มาดริด

  • แชมป์ลาลีกา มากกว่า 35 สมัย
  • แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 14 สมัย (มากที่สุดในยุโรป)
  • แชมป์โกปา เดล เรย์ มากกว่า 19 สมัย
บาร์เซโลน่า (FC Barcelona) เจ้าบุญทุ่มแห่งคาตาลัน

บาร์เซโลน่า (FC Barcelona) เจ้าบุญทุ่มแห่งคาตาลัน

“บาร์ซ่า” คือสโมสรที่มีสไตล์การเล่นสวยงามที่สุดทีมหนึ่งของโลก ด้วย ติกิ-ตาก้า ที่ทำให้แฟนบอลหลงใหล และการมีนักเตะระดับตำนานอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งพาทีมกวาดแชมป์มาเพียบ
เกียรติประวัติเด่น ๆ ของบาร์เซโลน่า

  • แชมป์ลาลีกา มากกว่า 27 สมัย
  • แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 5 สมัย
  • แชมป์โกปา เดล เรย์ 31 สมัย (มากที่สุดในสเปน)
แอตเลติโก มาดริด (Atlético Madrid) ทีมตราหมีจอมแกร่ง

แอตเลติโก มาดริด (Atlético Madrid) ทีมตราหมีจอมแกร่ง

แม้ว่า แอตเลติโก มาดริด จะไม่ได้แชมป์ลีกบ่อยเท่าสองทีมนั้น (เรอัล มาดริด, บาร์ซ่า) แต่พวกเขาเป็นทีมที่เล่นด้วยแล้วเหนื่อยสุด ๆ ภายใต้การคุมทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ “ตราหมี” กลายเป็นทีมที่มีเกมรับแข็งแกร่งและเล่นบอลไดเรกต์สุดอันตราย เกียรติประวัติเด่น ๆ ของแอตเลติโก มาดริด

  • แชมป์ลาลีกา 11 สมัย
  • แชมป์ยูโรปาลีก 3 สมัย
  • แชมป์โกปา เดล เรย์ 10 สมัย
เรอัล โซเซียดาด (Real Sociedad) ดาวรุ่งพุ่งแรงจากแคว้นบาสก์

เรอัล โซเซียดาด (Real Sociedad) ดาวรุ่งพุ่งแรงจากแคว้นบาสก์

ช่วงหลัง ๆ เรอัล โซเซียดาด พัฒนาไปไกลมากจากเดิมที่เป็นทีมระดับกลาง ๆ ตอนนี้พวกเขากลายเป็นทีมลุ้นตั๋วยุโรปแบบเต็มตัว มีนักเตะพรสวรรค์หลายคน เช่น มิเกล โอยาร์ซาบาล และ ทาเคฟุสะ คุโบะ ที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม

กิโรน่า (Girona) ม้ามืดแห่งซีซั่น

กิโรน่า (Girona) ม้ามืดแห่งซีซั่น

หากมีทีมไหนที่ทำให้แฟนบอลตื่นเต้นในฤดูกาลล่าสุด กิโรน่า คือหนึ่งในนั้น! พวกเขาเล่นฟุตบอลเกมรุกแบบไม่กลัวใคร มีการเล่นที่รวดเร็วและดุดัน แถมยังสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการลุ้นพื้นที่ยุโรป

เรอัล เบติส (Real Betis) ทีมที่ไม่เคยยอมแพ้

เรอัล เบติส (Real Betis) ทีมที่ไม่เคยยอมแพ้

เรอัล เบติส อาจจะไม่ได้แชมป์ลาลีกาบ่อย ๆ แต่พวกเขามีฐานแฟนบอลที่คลั่งไคล้สุด ๆ และเป็นทีมที่เล่นเกมรุกสนุก มีนักเตะอย่าง นาบิล เฟคีร์ ที่สร้างความแตกต่างได้เสมอ

แอธเลติก บิลเบา (Athletic Bilbao) ทีมแห่งแคว้นบาสก์

แอธเลติก บิลเบา (Athletic Bilbao) ทีมแห่งแคว้นบาสก์

นี่คือหนึ่งในทีมที่มีสไตล์การทำทีมไม่เหมือนใคร เพราะพวกเขาใช้นักเตะที่มีเชื้อสายบาสก์เท่านั้น! แม้ว่าข้อจำกัดนี้จะดูเหมือนเป็นอุปสรรค แต่พวกเขากลับสามารถรักษามาตรฐานในลีกสูงสุดของสเปนมาได้ตลอด

ลิโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi) GOAT แห่งบาร์เซโลน่า
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) เครื่องจักรสังหารของเรอัล มาดริด
ราอูล กอนซาเลซ (Raúl González) เจ้าชายแห่งเบอร์นาเบว
โรนัลโด้ นาซาริโอ (Ronaldo Nazário) ไอ้โล้นทองคำ
ลิโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi) เจ้าของรางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ลาลีกา
อีเกร์ กาซียาส (Iker Casillas) สุดยอดนายประตูของเรอัล มาดริด
เซร์คิโอ รามอส (Sergio Ramos) กองหลังพันธุ์แกร่ง

สถิติสำหรับลาลีกาสเปน

1. ดาวซัลโวสูงสุดในประวัติศาสตร์ลาลีกา

ลิโอเนล เมสซี่ คือผู้ที่ทำประตูใน ลาลิกา มากที่สุดตลอดกาล โดยทำไป 474 ประตู ในการลงเล่น 520 นัด ซึ่งสถิตินี้ยังคงเป็นที่หนึ่งห่างไกลจากนักเตะคนอื่น ๆ อย่างมาก

  • ลิโอเนล เมสซี่ 474 ประตู
  • คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 311 ประตู
  • เทลโม ซาร์ร่า 251 ประตู

2. ทีมที่คว้าแชมป์ลาลีกามากที่สุด

การคว้า แชมป์ลาลีกา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะมีการแข่งขันที่สูง และแต่ละทีมต่างก็มีความพยายามที่จะอยู่บนจุดสูงสุดตลอดไป

  • เรอัล มาดริด 36 สมัย (แชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์)
  • บาร์เซโลน่า 27 สมัย
  • แอตเลติโก้ มาดริด 11 สมัย

3. ทีมที่ทำประตูมากที่สุดในฤดูกาลเดียว

  • บาร์เซโลน่า 159 ประตู (ฤดูกาล 2011/12)
  • เรอัล มาดริด 121 ประตู (ฤดูกาล 2014/15)

4. ทีมที่ทำแต้มสูงสุดในฤดูกาลเดียว

  • เรอัล มาดริด 100 คะแนน (ฤดูกาล 2011/12)
  • บาร์เซโลน่า 99 คะแนน (ฤดูกาล 2017/18)

ผลงานของทีมและนักเตะในฤดูกาลล่าสุด

ในฤดูกาลล่าสุด เรอัล มาดริด ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมและอยู่ใน ตำแหน่งที่ดีในตารางลาลีกา โดยมี คาร์โล อันเชล็อตติ คุมทีมต่อเนื่อง ขณะที่ บาร์เซโลนา ที่เปลี่ยนแปลงทีมใหม่หลังจากการจากไปของ เมสซี่ ยังคงพยายามปรับตัว และแสดงฟอร์มที่มั่นคงในลีก
ในฤดูกาล 2023/24 มีนักเตะหลายคนที่โดดเด่นและได้รับความสนใจจากแฟนบอล

  • โรดรีโก้ โกเอส (เรอัล มาดริด) เป็นดาวซัลโวของทีมในฤดูกาลนี้ โดยทำประตูสำคัญช่วยให้ทีมขึ้นสู่อันดับสูง
  • โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาร์เซโลน่า) นักเตะที่ถูกคาดหวังว่าจะนำบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ และยังคงทำประตูอย่างต่อเนื่อง
  • ชูเอา เฟลิกซ์ (แอตเลติโก มาดริด) ฟอร์มร้อนแรงและทำประตูให้ทีมอย่างสม่ำเสมอ

อิทธิพลของลาลีกาต่อฟุตบอลสเปนและระดับนานาชาติ

ลาลีกาสเปนและฟุตบอลสเปน

ลาลีกาสเปนเป็นลีกที่ไม่ได้แค่สร้างความบันเทิงให้กับแฟนบอลในประเทศสเปน แต่ยังมีอิทธิพลต่อวงการฟุตบอลในระดับโลก การแข่งขันในลาลีกาเต็มไปด้วยนักเตะระดับโลกและสไตล์การเล่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เช่น ติกิ-ตาก้า ของบาร์เซโลน่า ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในระบบการเล่นที่มีประสิทธิภาพและสวยงามที่สุด

ลาลีกาในมุมมองของฟุตบอลระดับนานาชาติ

ไม่เพียงแค่ผลกระทบในประเทศสเปนเท่านั้น ลาลิกายังได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นลีกที่มีการแข่งขันสูงและมีความสำคัญสำหรับการพัฒนาฟุตบอลในหลายประเทศ